เทคนิคการถ่ายภาพสถานที่ท่องเที่ยว
เทคนิคการถ่ายภาพสถานที่ท่องเที่ยว
1. ใช้รูรับแสงแคบ + วางขาตั้งกล้องให้ได้ระดับเสมอกัน
รูรับแสงหรือ Aperture คือปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการควบคุมปริมาณแสงที่จะเข้าสู่กล้อง มันถูกติดตั้งอยู่ที่ตัวเลนส์โดยมีลักษณะที่สามารถย่อให้เล็กหรือขยายให้ใหญ่ได้จากการควบคุมของผู้ถ่ายภาพผ่านกลไกการทำงานของกล้องและเลนส์ โดยหน้าที่ของมันคือการควบคุมปริมาณแสงที่จะเดินทางผ่านเลนส์ ยิ่งรูรับแสงมีขนาดใหญ่มากแสงก็จะยิ่งผ่านได้มาก ในทางกลับกันถ้ารูรับแสงมีขนาดที่เล็กลงแสงก็จะเดินทางผ่านเข้าไปได้น้อยด้วย ซึ่งลักษณะในการควบคุมปริมาณแสงนี้จะมีความสำคัญต่อการถ่ายภาพที่ต้องใช้แสงในการบันทึกภาพ หากแสงมีปริมาณน้อยเกินไปภาพก็จะมืด แต่ถ้าแสงมีปริมาณมากเกินไปภาพก็จะสว่าง
สิ่งที่ทุกคนอยากได้จากการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ คือรายละเอียดของภาพท่องเที่ยวที่ครบถ้วน คมชัด ดูมีมิติ การตั้งค่ากล้องควรตั้งค่ารูรับแสงให้เล็กที่สุด เพื่อเพิ่มระยะความชัดลึกของภาพ แต่ขอให้ปรับความเร็วชัตเตอร์ให้ช้าลงเพื่อชดเชยด้วย เมื่อความเร็วชัตเตอร์ช้าลง โอกาสที่ภาพจะเบลอมีสูง จึงแนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้องประกอบการถ่ายภาพท่องเที่ยวเช่นกัน
2. ใช้ Filter กรองแสง / ลดแสง เข้าช่วย
ภาพวิวในตอนกลางวัน บางมุมแสงจะมากเป็นพิเศษ ถึงถ่ายออกมาแล้วสวย แต่อาจขาดความน่าสนใจ การใช้ฟิลเตอร์สีชาเพื่อกรองแสงลง ทำให้สีสันส่วนอื่นของวิวในภาพดูเด่นขึ้น คล้ายกับการที่เราใส่แว่นกันแดดมองวิวกลางแดดจ้า สิ่งที่เห็นหลังแว่นกันแดดย่อมครบถ้วน คมชัด และสวยกว่าการมองตาเปล่ากลางแดด และสามารถประยุกต์มาถ่ายกับวิวประเภทน้ำตก หรือหมอกได้
-UV Filter ฟิลเตอร์ชนิดนี้นั้นย่อมาจาก Ultra Violet Filter คือตัวกรองแสงยูวี ดังนั้น ฟิลเตอร์ชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพท่องเที่ยว หรือถ่ายภาพวิวท่ามกลางแสงแดด เป็นต้น
–C-PL Filter อันนี้มีชื่อย่อมาจาก Circular Polarlize Filter คือ ตัวกรองที่ช่วยลดหรือตัดแสงสะท้อนในธรรมชาติ ทำให้ภาพมีสีสดและดูอิ่มตัวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ลดแสงสะท้อน จากใบไม้ที่โดนแดน แสงสะท้อนจากผิวน้ำ เป็นต้น
-ND Filter ฟิลเตอร์ชนิดที่สามนี้มีชื่อย่อมาจาก Natural Density Filter คือ ตัวกรองแสงอีกประเภทหนึ่ง ที่ใช้สำหรับการลดแสงสะท้อนเช่นกัน เหมาะสำหรับการนำไปใช้ถ่ายกลางแดดจัดๆ ภาพทะเล ภาพน้ำตกที่มีแสงสะท้อนจากน้ำซึ่งมีปริมาณมากกว่าภาพทั่วไป
-Skylight Filter เป็นฟิลเตอร์ที่เหมาะสำหรับภาพถ่ายภาพคนเพราะให้สีของผิวเนื้อออกอมชมพู สวยงามมากขึ้น
3. กลับมาถ่ายที่เดิมในเวลาที่ต่างออกไป
ในการเดินทางไปเที่ยวหลายๆครั้งนั้น เราจะพบว่าสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งสวยทั้งตอนกลางวันและกลางคืน หรือสถานที่ท่องเที่ยวเดียวกัน แต่สภาพอากาศคนละแบบ ก็ให้อารมณ์ภาพที่แตกต่างกันได้ การกลับมาถ่ายภาพสถานที่ท่องเที่ยวในที่เดิมในเวลาและสภาพที่ต่างกันออกไป ทำให้เราได้ภาพที่ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไปได้อีกเหมือนกัน
4. จัดองค์ประกอบภาพด้วยทฤษฎีกฎสามส่วน (Rule of Third)
การถ่ายภาพท่องเที่ยวนั้นมีหลักการของทฤษฎีกฎสามส่วน (Rule of Third) ซึ่งจะเป็นวิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้ภาพถ่ายท่องเที่ยวออกมาดูดี โดย หลีกเลี่ยง การวางตำแหน่งของวัตถุหลักที่เราจะถ่าย ไม่ให้อยู่ตรงจุดกึ่งกลางภาพ ซึ่งจะทำให้ภาพนั้นไม่สวยงามเท่าไร และทำให้เราดูเหมือนพวกมือใหม่หัดถ่ายอีกด้วย
กล้องถ่ายรูปส่วนใหญ่จะมี Grid ที่เป็นเส้นตารางแบบในจอ เส้นตารางนี้ ( มีกล้องหลายตัวที่มีฟังก์ชั่นในการสร้างเส้นสมมติดังกล่าวขึ้นมาใน View Finder หรือ LCD เพื่อช่วยผู้ถ่ายในการอ้างอิงจุดตัดมากฎสามส่วนช่วยให้เราแบ่งสัดส่วนภาพได้ง่ายขึ้น หลายครั้งการถ่ายภาพท่องเที่ยวที่มีวิวท้องฟ้าเยอะๆ องค์ประกอบวิวไกลๆ ทำให้ภาพของการท่องเที่ยวนั้นขาดความน่าดึงดูดได้ การใช้ Grid ในการแบ่งสัดส่วน ทำให้สิ่งที่ต้องการถ่ายดูเด่นกว่า บวกกับการเก็บรายละเอียดรอบข้างให้พอดีทำให้ภาพท่องเที่ยวนั้นออกมาอย่างสวยงาม
5. Panorama ไม่ใช่เรื่องยาก
การถ่ายภาพแนวยาวที่เรียกว่า Panorama ในขณะไปท่องเที่ยวนั้นหลายคนอาจรู้สึกเป็นเรื่องยาก แต่วิธีการถ่ายจริงๆ ไม่ได้เป็นยากอย่างที่คิดไว้ เพียงแค่ตั้งค่ารูรับแสง และโฟกัสให้นิ่ง ในขระหว่างถ่ายห้ามเปลี่ยนค่ารูรับแสง และโฟกัสโดยเด็ดขาด จุดที่ยืนถ่ายต้องเป็นพื้นที่ตั้งกล้องได้มั่นคง ไม่เอียงหรือสั่น รวมถึงวิวที่ถ่ายภาพท่องเที่ยวขอให้สามารถจัดองค์ประกอบภาพในแนวระนาบได้เท่านั้นเองครับ
-วัดแสงได้เท่าไหร่ set ค่านั้น โดยใช้โหมด manual เพื่อจะให้ได้ค่าเดิมทุกภาพ
– เริ่มต้นถ่ายใหม่ ควรใช้ที่ระยะ 50mm ครับ เพื่อช่วยให้ต่อกันได้สนิทครับ
– WB , iso ใช้อะไรก็ได้ครับ แต่ต้องเป็นค่าเดียวกันตลอดทุกรูป
– ใช้ขาตั้งในการถ่ายรูปประเภทนี้ครับ
– ช่วงเหลื่อมทับกันระหว่างเฟรมต่อเฟรม อยู่ที่ประมาณ 25% ของแต่ละเฟรมครับ
– จำนวนรูปที่จะใช้ทำต้องสัมพันธ์กับจำนวนองศาที่ใช้ครับ เมื่อก่อนผมถ่าย 180องศา ใช้ประมาณ 8-12 รูปครับ ที่จริงเขามีสูตรคำนวณครับ แต่ผมจำไม่ได้เสียแล้ว
– ควรถ่ายภาพท่องเที่ยวในแนวระนาบก่อนครับ พอชำนาญแล้วค่อยถ่ายในแนวตั้ง
– ใช้โปรแกรมสำหรับทำพาโนรามาโดยเฉพาะ มีให้เลือกหลายโปรแกรมครับ เช่น panorama factory ฯลฯ ช่วยในการนำรูปมาต่อกันครับ ซึ่งจะง่ายกว่าใช้ photoshop ทำครับ แต่ ก็จะกิน resource ของเครื่องมากพอดู ถ้าเป็นเครื่องที่ ram น้อย ไม่แนะนำให้ทำนะครับ
เทคนิคถ่ายภาพท่องเที่ยวทั้ง 5 ข้อที่แนะนำไปนั้นจะทำให้เพื่อนๆนักท่องเที่ยวมือใหม่นั้นสามารถถ่ายภาพวิวสวยๆออกมาได้อย่างแน่นอน และทางทีมงาของ HANG REVIEW เองก็ได้แต่หวังว่าการท่องเที่ยวครั้งต่อไปเพื่อนๆจะสามารถถ่ายภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยด้วยฝีมือเราแบบไม่แพ้ช่างกล้องชื่อดังระดับมืออาชีพออกมาก็เป็นได้ครับ
https://www.traveloka.com/th-th/hotel
1. ใช้รูรับแสงแคบ + วางขาตั้งกล้องให้ได้ระดับเสมอกัน
รูรับแสงหรือ Aperture คือปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการควบคุมปริมาณแสงที่จะเข้าสู่กล้อง มันถูกติดตั้งอยู่ที่ตัวเลนส์โดยมีลักษณะที่สามารถย่อให้เล็กหรือขยายให้ใหญ่ได้จากการควบคุมของผู้ถ่ายภาพผ่านกลไกการทำงานของกล้องและเลนส์ โดยหน้าที่ของมันคือการควบคุมปริมาณแสงที่จะเดินทางผ่านเลนส์ ยิ่งรูรับแสงมีขนาดใหญ่มากแสงก็จะยิ่งผ่านได้มาก ในทางกลับกันถ้ารูรับแสงมีขนาดที่เล็กลงแสงก็จะเดินทางผ่านเข้าไปได้น้อยด้วย ซึ่งลักษณะในการควบคุมปริมาณแสงนี้จะมีความสำคัญต่อการถ่ายภาพที่ต้องใช้แสงในการบันทึกภาพ หากแสงมีปริมาณน้อยเกินไปภาพก็จะมืด แต่ถ้าแสงมีปริมาณมากเกินไปภาพก็จะสว่าง
สิ่งที่ทุกคนอยากได้จากการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ คือรายละเอียดของภาพท่องเที่ยวที่ครบถ้วน คมชัด ดูมีมิติ การตั้งค่ากล้องควรตั้งค่ารูรับแสงให้เล็กที่สุด เพื่อเพิ่มระยะความชัดลึกของภาพ แต่ขอให้ปรับความเร็วชัตเตอร์ให้ช้าลงเพื่อชดเชยด้วย เมื่อความเร็วชัตเตอร์ช้าลง โอกาสที่ภาพจะเบลอมีสูง จึงแนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้องประกอบการถ่ายภาพท่องเที่ยวเช่นกัน
2. ใช้ Filter กรองแสง / ลดแสง เข้าช่วย
ภาพวิวในตอนกลางวัน บางมุมแสงจะมากเป็นพิเศษ ถึงถ่ายออกมาแล้วสวย แต่อาจขาดความน่าสนใจ การใช้ฟิลเตอร์สีชาเพื่อกรองแสงลง ทำให้สีสันส่วนอื่นของวิวในภาพดูเด่นขึ้น คล้ายกับการที่เราใส่แว่นกันแดดมองวิวกลางแดดจ้า สิ่งที่เห็นหลังแว่นกันแดดย่อมครบถ้วน คมชัด และสวยกว่าการมองตาเปล่ากลางแดด และสามารถประยุกต์มาถ่ายกับวิวประเภทน้ำตก หรือหมอกได้
-UV Filter ฟิลเตอร์ชนิดนี้นั้นย่อมาจาก Ultra Violet Filter คือตัวกรองแสงยูวี ดังนั้น ฟิลเตอร์ชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพท่องเที่ยว หรือถ่ายภาพวิวท่ามกลางแสงแดด เป็นต้น
–C-PL Filter อันนี้มีชื่อย่อมาจาก Circular Polarlize Filter คือ ตัวกรองที่ช่วยลดหรือตัดแสงสะท้อนในธรรมชาติ ทำให้ภาพมีสีสดและดูอิ่มตัวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ลดแสงสะท้อน จากใบไม้ที่โดนแดน แสงสะท้อนจากผิวน้ำ เป็นต้น
-ND Filter ฟิลเตอร์ชนิดที่สามนี้มีชื่อย่อมาจาก Natural Density Filter คือ ตัวกรองแสงอีกประเภทหนึ่ง ที่ใช้สำหรับการลดแสงสะท้อนเช่นกัน เหมาะสำหรับการนำไปใช้ถ่ายกลางแดดจัดๆ ภาพทะเล ภาพน้ำตกที่มีแสงสะท้อนจากน้ำซึ่งมีปริมาณมากกว่าภาพทั่วไป
-Skylight Filter เป็นฟิลเตอร์ที่เหมาะสำหรับภาพถ่ายภาพคนเพราะให้สีของผิวเนื้อออกอมชมพู สวยงามมากขึ้น
3. กลับมาถ่ายที่เดิมในเวลาที่ต่างออกไป
ในการเดินทางไปเที่ยวหลายๆครั้งนั้น เราจะพบว่าสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งสวยทั้งตอนกลางวันและกลางคืน หรือสถานที่ท่องเที่ยวเดียวกัน แต่สภาพอากาศคนละแบบ ก็ให้อารมณ์ภาพที่แตกต่างกันได้ การกลับมาถ่ายภาพสถานที่ท่องเที่ยวในที่เดิมในเวลาและสภาพที่ต่างกันออกไป ทำให้เราได้ภาพที่ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไปได้อีกเหมือนกัน
4. จัดองค์ประกอบภาพด้วยทฤษฎีกฎสามส่วน (Rule of Third)
การถ่ายภาพท่องเที่ยวนั้นมีหลักการของทฤษฎีกฎสามส่วน (Rule of Third) ซึ่งจะเป็นวิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้ภาพถ่ายท่องเที่ยวออกมาดูดี โดย หลีกเลี่ยง การวางตำแหน่งของวัตถุหลักที่เราจะถ่าย ไม่ให้อยู่ตรงจุดกึ่งกลางภาพ ซึ่งจะทำให้ภาพนั้นไม่สวยงามเท่าไร และทำให้เราดูเหมือนพวกมือใหม่หัดถ่ายอีกด้วย
กล้องถ่ายรูปส่วนใหญ่จะมี Grid ที่เป็นเส้นตารางแบบในจอ เส้นตารางนี้ ( มีกล้องหลายตัวที่มีฟังก์ชั่นในการสร้างเส้นสมมติดังกล่าวขึ้นมาใน View Finder หรือ LCD เพื่อช่วยผู้ถ่ายในการอ้างอิงจุดตัดมากฎสามส่วนช่วยให้เราแบ่งสัดส่วนภาพได้ง่ายขึ้น หลายครั้งการถ่ายภาพท่องเที่ยวที่มีวิวท้องฟ้าเยอะๆ องค์ประกอบวิวไกลๆ ทำให้ภาพของการท่องเที่ยวนั้นขาดความน่าดึงดูดได้ การใช้ Grid ในการแบ่งสัดส่วน ทำให้สิ่งที่ต้องการถ่ายดูเด่นกว่า บวกกับการเก็บรายละเอียดรอบข้างให้พอดีทำให้ภาพท่องเที่ยวนั้นออกมาอย่างสวยงาม
5. Panorama ไม่ใช่เรื่องยาก
การถ่ายภาพแนวยาวที่เรียกว่า Panorama ในขณะไปท่องเที่ยวนั้นหลายคนอาจรู้สึกเป็นเรื่องยาก แต่วิธีการถ่ายจริงๆ ไม่ได้เป็นยากอย่างที่คิดไว้ เพียงแค่ตั้งค่ารูรับแสง และโฟกัสให้นิ่ง ในขระหว่างถ่ายห้ามเปลี่ยนค่ารูรับแสง และโฟกัสโดยเด็ดขาด จุดที่ยืนถ่ายต้องเป็นพื้นที่ตั้งกล้องได้มั่นคง ไม่เอียงหรือสั่น รวมถึงวิวที่ถ่ายภาพท่องเที่ยวขอให้สามารถจัดองค์ประกอบภาพในแนวระนาบได้เท่านั้นเองครับ
-วัดแสงได้เท่าไหร่ set ค่านั้น โดยใช้โหมด manual เพื่อจะให้ได้ค่าเดิมทุกภาพ
– เริ่มต้นถ่ายใหม่ ควรใช้ที่ระยะ 50mm ครับ เพื่อช่วยให้ต่อกันได้สนิทครับ
– WB , iso ใช้อะไรก็ได้ครับ แต่ต้องเป็นค่าเดียวกันตลอดทุกรูป
– ใช้ขาตั้งในการถ่ายรูปประเภทนี้ครับ
– ช่วงเหลื่อมทับกันระหว่างเฟรมต่อเฟรม อยู่ที่ประมาณ 25% ของแต่ละเฟรมครับ
– จำนวนรูปที่จะใช้ทำต้องสัมพันธ์กับจำนวนองศาที่ใช้ครับ เมื่อก่อนผมถ่าย 180องศา ใช้ประมาณ 8-12 รูปครับ ที่จริงเขามีสูตรคำนวณครับ แต่ผมจำไม่ได้เสียแล้ว
– ควรถ่ายภาพท่องเที่ยวในแนวระนาบก่อนครับ พอชำนาญแล้วค่อยถ่ายในแนวตั้ง
– ใช้โปรแกรมสำหรับทำพาโนรามาโดยเฉพาะ มีให้เลือกหลายโปรแกรมครับ เช่น panorama factory ฯลฯ ช่วยในการนำรูปมาต่อกันครับ ซึ่งจะง่ายกว่าใช้ photoshop ทำครับ แต่ ก็จะกิน resource ของเครื่องมากพอดู ถ้าเป็นเครื่องที่ ram น้อย ไม่แนะนำให้ทำนะครับ
เทคนิคถ่ายภาพท่องเที่ยวทั้ง 5 ข้อที่แนะนำไปนั้นจะทำให้เพื่อนๆนักท่องเที่ยวมือใหม่นั้นสามารถถ่ายภาพวิวสวยๆออกมาได้อย่างแน่นอน และทางทีมงาของ HANG REVIEW เองก็ได้แต่หวังว่าการท่องเที่ยวครั้งต่อไปเพื่อนๆจะสามารถถ่ายภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยด้วยฝีมือเราแบบไม่แพ้ช่างกล้องชื่อดังระดับมืออาชีพออกมาก็เป็นได้ครับ
https://www.traveloka.com/th-th/hotel






